บทความ เรื่อง : มาเฟียขาสั้น? ใหญ่! คับ ร.ร
   


บทความเลขที่ 79
คนสร้างบทความ :
นาย หิว
วันที่ตั้งบทความ :
2004-01-09
คะแนนบทความ :
1056(เฉพาะเดือนนี้ )
จำนวนคนอ่าน :
3222(เฉพาะเดือนนี้ )
   


มาเฟียขาสั้น? ใหญ่! คับ ร.ร

------------------------------------------------------------------------------------------------
เมื่อไม่นานมานี้ มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งตีแผ่ปัญหาเด็กนักเรียน ระดับประถมศึกษาและ มัธยมศึกษาได้อย่างถึงแก่น เป็นงานวิจัยว่าด้วย ความรุนแรงในโรงเรียน พื้นที่กรุงเทพมหานคร

อ่านแล้วแทบไม่เชื่อว่า "นักเรียน" ยุคไอทีจะทำตัวย้อนยุค ริเป็น "นักเลง" หรือ "มาเฟีย" มากมายขนาดนี้!?

ข้อมูลที่ว่ามาจากวิทยานิพนธ์ของ น.ส.กรรณิการ์ ภุมรินทร์ น.ส.จรุงจิต สินอนันต์ น.ส.พัชรี จันทร์เพ็ง และ น.ส.รัศนา จั่นสกุล นิสิตชั้นปีที่ 4 คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ชื่อหัวข้อว่า "มาเฟียเด็ก" งานวิจัยชิ้นนี้มุ่งศึกษาพฤติกรรมความรุนแรงเยาวชนในสถานศึกษา สำรวจข้อมูลโดยแจกแบบสอบถามให้นักเรียนระดับประถมศึกษาและ มัธยมศึกษาในเขตกรุงเทพมหานคร แบ่งเป็นนักเรียนชาย 165 คน และนักเรียนหญิง 140 คน

ผลการวิจัยพบว่า โรงเรียนในกลุ่มตัวอย่างมีนักเรียนที่มีพฤติกรรมมาเฟีย ร้อยละ 18.1% และมีเด็กเคยถูกคุกคามจาก "มาเฟียเด็ก" ถึง 10%

กว่าครึ่งหนึ่งของนักเรียนที่พบเห็นพฤติกรรม จะถูกชักชวนให้เข้ากลุ่มมาเฟียด้วย!?

ที่น่าตกใจอย่างยิ่ง ก็คือ มีนักเรียนหญิง ระดับประถมศึกษาไถเงิน นักเรียนชายที่มาชอบเพื่อนในกลุ่ม ครั้งละ 500-1,000 บาท ถ้าไม่มี จะวางแผนให้นักเรียนชายขโมยเงินที่บ้านมาให้ แลกกับการเป็นแม่สื่อ

แถมยังพบการเล่นเป่ายิงฉุบ พนันเงินครั้งละ 5-10 บาท หรือจับคู่ชาย-หญิง เล่นเป่ายิงฉุบแก้ผ้า ซึ่งเป็นพฤติกรรมเลียนแบบเกมจากประเทศญี่ปุ่น

ส่วนกลุ่มนักเรียนมัธยมศึกษาพบว่า นักเรียนชายจะไถเงินเพื่อนครั้งละ 5-100 บาท เพื่อไปเล่นเกม หรือซื้อของฟุ่มเฟือย หากขัดขืนจะโดนทำร้าย เช่น บีบคอ ไฟแช็กลนคาง หรือรื้อกระเป๋า กลุ่มนักเรียนดังกล่าวมักพกบุหรี่ ลูกระเบิดปิงปอง และมีการเสพยา โดยนักเรียนที่ถูกรีดไถส่วนใหญ่จะให้ เพราะไม่อยากมีปัญหา

นอกจากนี้ยังมีการตั้งแก๊งซิ่งมอเตอร์ไซค์ โดยวางเดิมพันครั้งละ 10,000-20,000 บาท ผู้ชนะนอกจากจะได้เงินและชื่อเสียงแล้ว ยังจะได้ผู้หญิงของคนอื่นไปมีเพศสัมพันธ์อีกด้วย

ที่ร้ายกว่านั้น หากขาใหญ่ชอบ นักเรียนหญิงคนไหนแต่ถูกปฏิเสธ เด็กสาวรายนั้นก็จะโดนข่มขืน ถือคติ "ไม่ได้ใจก็ขอให้ได้ตัว" โดยจะข่มขืนแบบเรียงคิวในห้องเรียน น่าแปลก..เด็กที่ถูกข่มขืนกว่า 50% ตำรวจจะไม่รับแจ้งความโดยไม่ทราบสาเหตุ!

บางกลุ่มที่มีแฟน จะมีการนัดแลกคู่นอนหรือสวิงกิ้ง โดยแบ่งเป็น 2 แบบคือ

แบบปกติ เป็นการแลกคู่ระหว่างชาย-หญิง

แบบวิปริต คือจับคู่ชายกับชาย หญิงกับหญิง

บางครั้งจะมีการจัดปาร์ตี้ยาอี เมื่อเมาได้ที่หากเด็กผู้ชายหมายตาเด็กหญิงคนไหนก็จะดักรอที่ทางออก ก่อนจะลากเข้าที่เปลี่ยว แล้วชกท้องให้จุกเพื่อข่มขืน บางครั้งเหยื่ออาจเมายาไม่รู้ตัว พอตั้งท้องก็ไม่รู้ใครเป็นพ่อเด็ก?

สำหรับมาเฟียของฝ่ายหญิง มักจะเกิดในโรงเรียนสหศึกษา หัวหน้ากลุ่มจะมีศัพท์เฉพาะเรียกกันว่า "ควีน" เมื่อเรียนจบจะมีการสืบทอดตำแหน่งให้รุ่นน้องคนสนิท

ควีน จะไว้เล็บยาวและตัดเล็บเป็นสามเหลี่ยมไว้ข่วนหน้า คู่ต่อสู้ให้เสียโฉม ควีนมีสิทธิเลือกผู้ชาย แต่ถ้าผู้ชายไม่เลือกควีนก็มีสิทธิโดนตื้บเอาง่ายๆ

นักเรียนคนไหนชอบพนันบอลก็มีโต๊ะบอลไว้บริการ โดยมีนักเรียนเป็นเจ้ามือเอง ส่วนใหญ่จะรับแทงตั้งแต่ 1,000-10,000 บาท มีเด็กแต่ละชั้นเป็นเครือข่าย ถ้าผู้เล่นติดหนี้ไม่จ่ายตามกำหนด มักจะถูกขู่และซ้อม โดย "แก๊งทวงหนี้" กลุ่มละ 3-5 คน ทำหน้าที่ซ้อมลูกหนี้โดยเฉพาะ

ในจำนวนนั้นมีนักเรียนหญิงจำนวนไม่น้อยเป็นหนี้พนันบอลจนถึงขั้นต้องใช้ตัว "ปลดหนี้" !?

การปลดหนี้มีหลายลักษณะ เช่น ปลดหนี้กับเจ้าของโต๊ะโดยตรง โดยมีการตกลงว่าจะต้องเสียตัวกี่ครั้งจึงจะหมดหนี้ ส่วนใหญ่จะคิดอัตราครั้งละ 2,000 บาท หรืออาจขายตัว ผ่านนายหน้า ซึ่งเป็นวิธีที่เด็กส่วนใหญ่เลือก เพราะทำครั้งเดียว แต่ได้เงินมากกว่า โดยค่านายหน้าจะอยู่ที่ 1,500-5,000 บาทต่อครั้ง

ทีมวิจัยวิเคราะห์ต้นตอปัญหานี้ว่า เด็กเหล่านี้จะเริ่มต้นจากความอยากรู้ อยากลอง อยากเลียนแบบ เพราะเด็กไม่สามารถแยกแยะเรื่องควร-ไม่ควรกระทำได้ ทั้งยังมองเรื่องเพศเป็นเรื่องธรรมดา เพราะห่างเหินจากต้นแบบที่ดี ขาดความใกล้ชิดกับครอบครัว และไร้ซึ่งความภาคภูมิใจในตัวเอง

สอดคล้องกับ ดร.วัลลภ ปิยมโนธรรม หัวหน้าศูนย์ให้คำปรึกษาด้านจิตวิทยา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ที่มองว่า พฤติกรรมแบบนี้เกิดจากการที่เด็กต้องการให้คนรอบข้างเห็นความสำคัญ มองว่าเขา "มีตัวตน" เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในสังคม

แนวทางการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ควรมองว่า คนเรามีความถนัดหรือความเก่งต่างกัน บางคนอาจเรียนเก่ง บางคนอาจเก่งด้านกิจกรรม ที่ผ่านมาครูมักจะชอบเด็กที่เรียนเก่งและยกย่องเด็กเหล่านั้นมากกว่า ทำให้เด็กบางคนน้อยใจ จึงหาทางเรียกร้องความสนใจในทางที่ผิด เช่น แต่งกายผิดระเบียบหรือร้ายแรงกว่านั้น

ครอบครัวเองก็มีส่วนสำคัญ เพราะหลายครอบครัวพ่อแม่ มักให้ความสนใจกับลูกที่เรียนเก่งกว่า ทำให้ลูกอีกคนแสดงออกในทางที่ผิด เพื่อเรียกร้องความสนใจ

ดร.วัลลภ ไม่เห็นด้วยกับการประณามเด็กว่า เป็นแก๊งมาเฟีย เพราะรุนแรงเกินไป แก๊งมาเฟีย หมายถึงกลุ่มอิทธิพลระดับชาติ เช่น พ่อค้ายา เป็นต้น แต่เรื่องนี้จำกัดวงแค่กลุ่มเด็กเกเรที่ริรวมกลุ่ม โดยมีหัวโจกนำทีมเท่านั้น

การแก้ปัญหาไม่ควรสิ้นสุดแค่การประณาม ควรแก้ที่ผู้ใหญ่มากกว่า โดยต้องเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่ว่า เด็กทุกคนมีความสามารถด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่ต้องส่งเสริมให้เขาแสดงออกตามความถนัดของเขา และให้ความสนใจเด็กอย่างเท่าเทียมกัน

นอกจากนี้ ควรสอนให้เรียนรู้ด้านวิชาการควบคู่กับทักษะการใช้ชีวิต ที่สำคัญควรให้ความสนใจเด็กที่เป็นหัวโจกให้มาก เพราะเขาไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด เพียงต้องการเรียกร้องความสนใจให้เท่าเทียม "เด็กเก่ง" เท่านั้น

วรรณวิภา บัวแพง


ยังไม่มีคำวิจารณ์ สำหรับ บทความนี้

คนตั้ง  : 
อีเมล์ :
คำวิจารณ์  : 
ยืนยัน
   
วันที่ตั้งกระทู้  : 
18-04-2024


เวป หางาน ค้นหางาน ตำแหน่งงาน พนักงาน ejobonline.com