บทความ เรื่อง : ครม.รุมยำ ประชาสองยาม หน้าแหก!
   

บทความเลขที่ 111
คนสร้างบทความ :
นาย หิว
วันที่ตั้งบทความ :
2004-02-04
คะแนนบทความ :
1017(เฉพาะเดือนนี้ )
จำนวนคนอ่าน :
2527(เฉพาะเดือนนี้ )
   


ครม.รุมยำ ประชาสองยาม หน้าแหก!

------------------------------------------------------------------------------------------------
ครม.รุมยำ ประชาสองยาม หน้าแหก!

thairath

ตามที่กระทรวงมหาดไทยมีนโยบายให้สถานบันเทิงเปิด-ปิดสถานบริการ ในเวลา 18.00-24.00 น. โดยนายประชา มาลีนนท์ รมช.มหาดไทย ได้นำเรื่องนี้ เสนอเข้าที่ประชุม ครม.วันที่ 13 ม.ค. ขอความเห็นชอบ เพื่อออกประกาศเป็นกฎกระทรวงต่อไปนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในการประชุม ครม.วันที่ 13 ม.ค. ซึ่งมีวาระสำคัญคือการเสนอ ผลการระดมความคิดเห็น ของผู้เกี่ยวข้องกับสถานบริการเรื่องเวลาเปิด-ปิดสถานบริการใหม่ นายประชาได้เสนอประเด็นดังกล่าว ต่อที่ประชุม ครม. 4 หัวข้อ ได้แก่ 1. กำหนดเวลาเปิดสถานบริการในเวลา 18.00 น. 2. กำหนดเวลาปิดสถานบริการเวลา 24.00 น. เนื่องจากหากให้ปิดเกินเวลา 24.00 น. จะทำให้ผู้ใช้บริการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินปริมาณ และอยู่ในอาการประมาท ขาดสติ จนทำผิดกฎหมาย เกิดอันตรายต่อตัวเองและผู้อื่น 3. เวลาเปิดปิดสถานบริการทุกวันควรเป็นเวลาเดียวกัน 4. เวลาเปิดปิดสถานบริการทุกประเภทควรเป็นเวลาเดียวกัน ยกเว้นในวันที่ 31 ธ.ค.ที่อนุญาตให้เปิดได้จนถึงเวลา 06.00 น. ของวันที่ 1 ม.ค. ทั้งนี้ กำหนดเวลาเปิดปิดสถานบริการนี้ ให้ครอบคลุมถึงสถานบริการประเภทต่างๆที่ตั้งอยู่ในโรงแรมด้วย โดยข้อเสนอทั้งหมดจะนำไปใช้เป็นแนวทาง เพื่อออกกฎกระทรวงเรื่องการควบคุมเวลาเปิดปิดสถานบริการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากนายประชาชี้แจงเหตุผลจบ ปรากฏว่ารัฐมนตรีหลายคนได้แสดงความเห็นคัดค้าน เรื่องเวลาเปิด-ปิดสถานบริการใหม่เป็นจำนวนมาก โดย ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจัยหลักในการควบคุมสถานบริการคือ ต้องควบคุมไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการอย่างเคร่งครัด และไม่ให้มีการนำอาวุธ สิ่งเสพติดเข้าไปในสถานบริการ เรื่องเวลาเปิด-ปิดสถานบริการเป็นเพียงแค่ปัจจัยประกอบเท่านั้น

นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า การจัดระเบียบให้สถานบริการเปิดปิดเวลาเดียวกัน ควรฟังผู้เกี่ยวข้อง เพราะจะส่งผลกระทบต่อสถานบริการ ที่ไม่ใช่สถานที่วัยรุ่นไปมั่วสุมกัน เช่น ร้านอาหารที่มีเปียโนเพียงตัวเดียวและปิดหลัง 24.00 น. จะถูกจัดเป็นสถานบริการที่ต้องปิดบริการในเวลา 24.00 น. ด้วย ทั้งที่เป็นร้านขายอาหารและเล่นเปียโนให้ลูกค้าฟังเพียงอย่างเดียว รวมถึงต้องไปตีความว่า ร้านอาหารที่เปิดเครื่องเสียงจะเป็นการแสดงดนตรีหรือไม่ จึงเห็นว่าควรต้องดูให้รอบคอบกว่านี้

ขณะที่นายโภคิน พลกุล รองนายกรัฐมนตรี ได้ซักถามว่า สถานบริการประเภทร้านอาหารตามโรงแรมจำพวกคอฟฟีช็อปที่มีการแสดงดนตรีจะปิดหลัง 24.00 น. ได้หรือไม่ นายประชาได้ชี้แจงว่า การปิดเวลา 24.00 น. จะมีผลบังคับใช้ถึงร้านอาหารประเภทนี้ด้วย ซึ่งนายโภคินโต้ว่า หากมีการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวจริง ก็จะเกิดปัญหาในทางปฏิบัติมากมาย

เช่นเดียวกับนายสนธยา คุณปลื้ม รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ที่กล่าวว่า การบังคับใช้เวลาเปิดปิดสถานบริการใหม่ เป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุ ปัดความรับผิดชอบมากกว่าการจัดระเบียบ ซึ่งควรเน้นเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย ไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการมากกว่า ส่วนนายประมวล รุจนเสรี รมช.มหาดไทย กล่าวว่า การกำหนดให้สถานบริการทุกประเภทเปิดปิดเวลาเดียวกันมีปัญหามาก ซึ่งน่าจะปฏิบัติแบบเดิมคือกำหนดเวลาเปิดปิดตามประเภทสถานบริการมากกว่า

ด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้สอบถามเด็กวัยรุ่นทราบว่า หากปิดสถานบริการเวลา 24.00 น. เด็กจะเห็นว่ายังเที่ยวไม่จบ และจะไปต่อกันที่คอนโด หอพัก เพื่อเสพยาเสพติดแบบเบา เช่นกัญชา เคตารา หรือยานอนหลับ โคเคน จึงต้องเร่งหาทางออกให้เด็กเหล่านี้ การตีความในวงกว้างและปฏิบัติลำบาก เช่น ร้านอาหารที่เป็นคนละประเภทกับที่เด็กเข้าไปใช้บริการ เช่น ร้านอาหารที่มีดนตรีเล่นตามภัตตาคารหรูๆ ตอน 12.00 น. เปิดไม่ได้ แต่ต้องเปิด 18.00 น. ก็แย่เหมือนกัน อนาคตคงตกงานเหมือนกัน ทั้งที่ไปเสิร์ฟอาหารในร้านที่ไม่เป็นการมั่วสุมกัน ก็จะเกิดปัญหา อันนี้คิดว่าการครอบคลุมตรงนี้ต้องแยกแยะ โดยขีดวงสิ่งที่จะกระทบต่อลูกหลาน แต่ต้องไม่กระทบต่อสิ่งปกติ หากมีการบังคับใช้กฎหมายไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปในสถานบริการได้จริง ก็จะช่วยแก้ปัญหาได้กว่าครึ่งหนึ่งแล้ว เราต้องไปจัดหรือปิดในที่เด็กไปเที่ยวแล้วเสีย แล้วหาช่องทางออกให้ จึงจะถูกต้อง

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การศึกษาเรื่องการเปิดปิดสถานบริการค่อนข้างทำได้ดี แต่เพื่อความรอบคอบไม่เหวี่ยงแห ขอให้นำเรื่องนี้ไปให้คณะกรรมการศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาอบายมุข ที่ ร.ต.อ.ปุระชัยดูแลอยู่ พร้อมเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาหารือกันในวันที่ 6 ก.พ. เพื่อวางกติกาให้ครอบคลุมรายละเอียดทั้งหมด จะได้เกาให้ถูกที่คัน เพื่อนำเสนอครม.อีกครั้ง โดยให้มีผลบังคับใช้วันที่ 1 มี.ค. เป็นต้นไป

ภายหลังการประชุม ครม. นายประชา มาลีนนท์รมช.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติให้ไปพิจารณาเพิ่มเติม เพราะอาจมีกระทบกับสถานประกอบห้องอาหารบางประเภท ส่วนที่ผู้ประกอบการรวมตัวประท้วงนั้น ไม่ทราบ เพราะยังไม่ได้รับรายงาน ผู้สื่อข่าวถามว่า ผลการประชุมครั้งนี้เหมือนกับหน้าแตกกลับมาหรือไม่ นายประชาตอบว่า ไม่หน้าแตก เพราะทำตามนโยบายอย่างดีที่สุดแล้ว ถ้าจะกลับไปใช้เวลาปิด-เปิดแบบเดิม ก็ยอมรับได้ ไม่มีปัญหา ตอนนี้กฎหมายยังไม่ออกมา จึงต้องใช้กฎหมายฉบับเดิมไปก่อน


ยังไม่มีคำวิจารณ์ สำหรับ บทความนี้
คนตั้ง  : 
อีเมล์ :
คำวิจารณ์  : 
วันที่ตั้งกระทู้  : 
19-04-2024


เวป หางาน ค้นหางาน ตำแหน่งงาน พนักงาน ejobonline.com