บทความเลขที่
547 |
|
คนสร้างบทความ : |
a |
วันที่ตั้งบทความ : |
2005-11-23 |
คะแนนบทความ : |
1460(เฉพาะเดือนนี้ ) |
จำนวนคนอ่าน : |
5225(เฉพาะเดือนนี้ ) |
 ฝรั่งเขียนหนังสือฉีกหน้าไทย ตีภาพสาวนั่งตัก-ขยำอกโชว์ ------------------------------------------------------------------------------------------------ |
ฝรั่งเขียนหนังสือฉีกหน้าไทย ตีภาพสาวนั่งตัก-ขยำอกโชว์ ฝรั่งเขียนหนังสือบางกอก อินไซด์ เอาท์ ลงภาพหญิงไทยนั่งตักชายชาวต่างชาติ-มือขยำหน้าอก พร้อมข้อความตราหน้าเมืองไทยทั้งเรื่องปลอมแปลงยี่ห้อสินค้าดัง และการขายบริการทางเพศ โชว์แบบโจ๋งครึ่ม ขณะที่ วธ.แฉเวบเอ็นไซโคพีเดีย ระบุหญิงไทยราคาแค่ 50 ดอลลาร์ ร้องตำรวจงัดกฎหมายจัดการ "คม ชัด ลึก" ได้รับแจ้งจากประชาชนว่า หนังสือพ็อคเก็ตบุ๊คชื่อ "บางกอก อินไซด์ เอาท์" (Bangkok Inside Out) ตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ มีการลงภาพและข้อความเกี่ยวกับผู้หญิงไทยอย่างไม่เหมาะสม โดยภายในเล่มมีการตีพิมพ์ภาพหญิงไทยนั่งบนตักของชายต่างชาติ ปล่อยให้ชาวต่างชาติเอามือขยำหน้าอก พร้อมกับคำบรรยายที่ใช้คำค่อนข้างรุนแรง จากการตรวจสอบพบว่าหนังสือเล่มดังกล่าวเป็นงานเขียนของนายเดเนียล ซิป และนายกาย ชาร์เล็ตต์ พิมพ์โดยสำนักพิมพ์เอเชี่ยนสเคป พับลิชชิ่ง (Asianscapes Publishing) หนังสือมีเนื้อหากล่าวถึงรูปแบบการดำเนินชีวิตของคนในกรุงเทพฯ และสถานที่ท่องเที่ยว โดยเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นแง่มุมในด้านลบ เช่น สินค้าลอกเลียนแบบ การพนัน การแสดงของเกย์ การตื๊อขายของและกลโกง สถานที่ท่องเที่ยวอย่างพัฒนพงษ์ นานา และข้าวสาร พร้อมรูปภาพประกอบ โดยเฉพาะในส่วนของการท่องเที่ยวพัฒนพงษ์ มีการตีพิมพ์ภาพที่ไม่เหมาะสม พร้อมคำบรรยายบางส่วนที่ว่า "ทุกวันนี้พัฒนพงษ์เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืนที่น่าตื่นตาตื่นใจน้อยที่สุดของกรุงเทพฯ บางทีสิ่งที่น่าสนุกที่สุดเพียงสิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่คือ การเฝ้ามองรถบัสนักท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยหญิงอ้วนเกษียณอายุจากยุโรป เดินเล่นอยู่ตามถนนด้วยความอยากรู้อยากเห็น หรือแสดงอาการวิงเวียนอย่างเห็นได้ชัด คาดว่าจะมาจากความคิดที่ว่า พวกเธอกำลังจะได้ดูสิ่งลามกมากๆ ด้วยตาตัวเอง เช่น แกรนท์ หญิงแก่ชาวเยอรมัน ที่แอบเหลือบมองหัวนม หรือเป็นพยานรู้เห็นในกลที่ไม่สามารถกล่าวออกมาเป็นคำพูดได้ เช่น กลลูกปิงปอง" หนังสือดังกล่าว ระบุอีกว่า "น่าขันที่พัฒนพงษ์ยังเป็นแหล่งช็อปปิ้งที่ดีสำหรับทุกคนในครอบครัว ตราบเท่าที่คุณไม่ใส่ใจที่จะพาลูกสาววัย 9 ขวบ เดินผ่านป้ายข้างถนน ที่ตะโกนคำว่าจิ๋มโชว์ (เหมือนกับการแสดงละครสัตว์ที่มีแมว กวาง แต่วันนี้ปิด) มีร้านรวงขายของหัตถกรรม สินค้าแบรนด์เนมปลอม ดีวีดี และของเล่นเด็ก ซึ่งมีจำนวนน้อยกว่าบาร์ผู้หญิงและเซานาแบบตุรกีเยอะ" น.ส.ลัดดา ตั้งศุภาชัย ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือแนะนำนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้รู้ทันคนไทย มีทั้งชื่นชมและต่อว่าคนไทย เพราะมีการเขียนเรื่องราวหลากหลาย ซึ่งแม้จะเป็นเรื่องจริงที่มีอยู่ในสังคมไทย แต่ในมิติของวัฒนธรรมแล้วเป็นสิ่งที่ไม่สมควร เบื้องต้นจะส่งหนังสือให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาดำเนินการต่อไป เพราะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.การพิมพ์ "พวกเขาเข้ามาเอาเรื่องในประเทศไทยไปเขียน แต่กลับเขียนด่าคนไทยก็เหมือนกับกินบนเรือนขี้บนหลังคา เป็นเรื่องไม่เหมาะสม ทั้งนี้ ปัญหาเรื่องงานเขียนที่มีข้อความดูถูกดูหมิ่นคนไทยจากนักเขียนต่างชาติพบได้มากมาย ซึ่งมีการแจ้งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ป้องกันได้ยาก เราไม่สามารถไปบังคับควบคุมสำนักพิมพ์ได้ว่าห้ามตีพิมพ์อย่างนี้ เพราะตามรัฐธรรมนูญสื่อมีเสรีภาพในการตีพิมพ์ ดังนั้นจึงทำได้เพียงตามเก็บหนังสือที่มีปัญหาเท่านั้น" น.ส.ลัดดา กล่าว น.ส.ลัดดา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า ในเวบไซต์เอ็นไซโคพีเดีย ระบุความหมายของประเทศไทยในหัวข้อเซ็กส์ชวลลิซึ่ม ว่าเป็นการบริการทางเพศในราคา 50 ดอลลาร์ และผู้หญิงอายุ 13-15 ปี ขายบริการทางเพศ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเรื่องจริง จึงรายงานไปยัง นางอุไรวรรณ เทียนทอง รมว.วัฒนธรรม (วธ.) และปลัด วธ.ให้รับทราบและติดต่อไปยังผู้ทำเวบไซต์แก้ไขข้อความแล้ว ขณะเดียวกัน ได้ประสานกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) บล็อกเวบไซต์ดังกล่าวด้วย นางทิชา ณ นคร ผู้ประสานงานเครือข่ายผู้หญิงกับรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ทุกสังคมต้องมีผู้ที่หากินกับเรื่องอับอาย หรือมุมมืดของสังคม จะปราบให้หมดคงเป็นไปไม่ได้ แต่เมื่อหน่วยงานของรัฐรู้แล้วควรจะแสดงท่าทีในระดับหนึ่ง หรือส่งสัญญาณให้ผู้ผลิตได้รับทราบ ตำรวจควรจะเข้าไปตรวจสอบแหล่งผลิตสื่อลักษณะนี้เป็นระยะๆ ไม่ใช่แค่ยึดหนังสือเท่านั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ภาครัฐต้องให้ความตระหนักอย่างยิ่งว่า จะทำอย่างไรให้คนต่างชาติมีมุมมองและทัศนคติที่ดีต่อผู้หญิงไทย และต้องหันกลับมามองสังคมไทยด้วยว่า เป็นอย่างที่คนอื่นมองมากน้อยแค่ไหน ทำอย่างไรให้ดีขึ้น นางทิชา กล่าวว่า เชื่อว่าชาวต่างชาติที่มีสายตากว้างไกล เมื่ออ่านหนังสือด้านลบเกี่ยวกับผู้หญิงไทย หรือคนไทยตามสื่อต่างๆ คงไม่ตัดสินว่าคนไทยทั้งประเทศจะต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน เพราะสื่อเหล่านั้นบางชิ้นไม่น่าเชื่อถือ เป็นเพียงทัศนคติมุมมอง ความคิดส่วนบุคคลเท่านั้น แต่กรณีที่มีการบันทึกในสื่อที่น่าเชื่อถืออย่างพจนานุกรม ภาครัฐควรต้องมาพิจารณาแล้วว่าจะทำอย่างให้ให้คนไทยหลุดออกมาจากความเข้าใจอย่างนั้นได้ พร้อมทั้งต้องแก้ไขพฤติกรรมคนในประเทศไปพร้อมกันด้วย ขณะที่ น.ส.จันทวิภา อภิสุข ผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์สิทธิหญิงบริการ (เอ็มเพาเวอร์) กล่าวว่า ภาพและบทความที่ลงในหนังสือเล่มดังกล่าว เป็นเรื่องธรรมดาที่สังคมไทยและต่างประเทศรู้กันดีอยู่แล้ว ในต่างประเทศมียิ่งกว่านี้อีก แต่หนังสือเหล่านี้จะขายเฉพาะที่ ไม่ได้ออกมาเร่ขายตามแผงทั่วไป ส่วนใหญ่จะแนะนำว่าหากต้องการเที่ยวดูโชว์แปลก หรือผู้หญิงกลางคืน ให้ไปสถานบันเทิงยามราตรีตามที่ระบุไว้ "ถือเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ดีกว่าให้ชาวต่างชาติเข้ามาย่ำยีศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงไทยด้วยการข่มขืน หรืออนาจารผู้หญิงเหมือนที่คนไทยด้วยกันทำ" น.ส.จันทวิภา กล่าว น.ส.จันทวิภา กล่าวต่อว่า ขนาดผู้ประกอบการของไทยยังสร้างภาพลักษณ์ความเป็นเมืองขายบริการให้กับชาวต่างชาติ ดูจากป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ของสายการบินบางสาย ที่นำเด็กผู้หญิงอายุ 10 ขวบ มายืนแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ถามว่ากลุ่มเป้าหมายของสายการบินนี้เป็นเด็กหรือไม่ เป็นคนวัยผู้ใหญ่ทั้งนั้น การที่นำเด็กผู้หญิงมาโฆษณาทำให้ชาวต่างชาติเข้าใจว่า "หากมาประเทศไทยจะได้พบเด็กผู้หญิงที่มาให้การต้อนรับ" หรือ "สามารถหาเด็กหญิงมาเป็นเพื่อนเที่ยวได้หากมาที่นี่" พ.ต.อ.พันธ์ศักดิ์ ศาสนอนันต์ ผกก.ฝอ.4 บก.อก.บช.ส. กล่าวว่า การตีพิมพ์ภาพดังกล่าวเข้าข่ายความผิดอนาจาร ทำให้เสื่อมเสียศีลธรรมอันดีงามและวัฒนธรรมแห่งชาติ หากเจ้าพนักงานพบเห็นสามารถยึดหนังสือได้ทันที ผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ "ปัญหาหนังสือลามกอนาจารเป็นเรื่องที่แก้ได้ยาก ต้องตามแก้ไขกันต่อไปเรื่อยๆ เพราะกฎหมายในรัฐธรรมนูญให้สิทธิเสรีภาพในการตีพิมพ์ไว้มาก เจ้าหน้าที่ไม่สามารถขอตรวจสอบก่อนลงตีพิมพ์ได้ ปัญหาต่างๆ จึงมาตกที่เยาวชน แล้วตำรวจก็ต้องมาคอยตามแก้ไขกันไป" พ.ต.อ.พันธ์ศักดิ์ กล่าว |
