บทความ เรื่อง : “สนธิ”ตัดขาด “ทนง” – แฉป้อนข้อมูล “แม้ว”ฟันกำไรค่าเงินบาท
   

บทความเลขที่ 555
คนสร้างบทความ :
นายแมน
วันที่ตั้งบทความ :
2005-12-19
คะแนนบทความ :
1321(เฉพาะเดือนนี้ )
จำนวนคนอ่าน :
3582(เฉพาะเดือนนี้ )
   


“สนธิ”ตัดขาด “ทนง” – แฉป้อนข้อมูล “แม้ว”ฟันกำไรค่าเงินบาท

------------------------------------------------------------------------------------------------















“สนธิ”ตัดขาด “ทนง” – แฉป้อนข้อมูล “แม้ว”ฟันกำไรค่าเงินบาท
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 16 ธันวาคม 2548 23:26 น.

“สนธิ” ตัดขาดความเป็นเพื่อนกับ “ทนง” แฉปม 11 วันอันตรายก่อนลอยตัวค่าเงินบาทปี 40 ระบุรมว.คลังรู้มติแบงก์ชาติจะลอยตัวเงินบาทก่อนวันประกาศลอยจริง นำข้อมูลบอก “ทักษิณ” ตุนดอลลาร์เก็งกำไร ร่ำรวยบนซากศพของคนไทย ลั่นจันทร์หน้ายื่นจดหมายถึงแบงก์ชาติ ถามใครซื้อเงินตราต่างประเทศตุนล่วงหน้าช่วงเงินบาทลอยตัว

ในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ สัญจร ครั้งที่ 12 ที่สวนลุมพินี วานนี้ (16ธ.ค.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้เปิดเผยถึงความไม่ชอบมาพากลในการบริหารงานของนายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ขณะที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ซึ่งมีการลอยตัวค่าเงินบาทเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 อันเป็นต้นเหตุทำให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจไปทั่วเอเชีย แต่บริษัทเครือชินวัตร ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับด้ประโยชน์จากการลอยตัวค่าเงินบาทครั้งนั้น

นายสนธิ กล่าวว่า ถึงแม้นายทนงจะเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน โดยรู้จักตั้งแต่นายทนงยังนามสกุล ลำไย บ้านอยู่สุพรรณบุรี เคยเรียนหนังสือที่โรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา รุ่น 18 ด้วยกัน แต่เนื่องจากนายทนงเป็นบุคคลที่รับใช้ใกล้ชิดพ.ต.ท.ทักษิณมาเกินไป จึงสมควรแล้วที่ต้องแฉพฤติกรรม แม้จะเคยเป็นเพื่อนใกล้ชิดกันมาก่อน

“คุณทนงนี่เพิ่งให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ (15ธ.ค.)บอกว่า ไม่รู้ว่าผมจะพูดเรื่องอะไร เพราะว่า เขาบอกว่าเขาเป็นคนพูดไม่เก่ง คือเขามาบอกว่าผมนี่พูดเก่ง งั้นผมพูดอะไรก็ได้ เสร็จแล้วเขาบอกว่า ขอกันกินมากกว่านั้น ก็เลยอยากจะกราบเรียนเพื่อนรักว่า ชีวิตผมไม่เคยขอคุณกิน มีแต่คุณเคยขอผมกิน

“ทีนี้ที่ต้องเช็กบิลคุณทนง พิทยะ ถ้าคุณอยากจะรู้เรื่องว่าทำไมผมถึงต้องพูดถึงเรื่องคุณ ก็เพราะว่าคุณรับใช้นายกฯ ทักษิณดีมาก นายกฯ ทักษิณท่านสั่งให้บรรดาพวกที่รู้จักสนิทกับผม อยู่ในรัฐบาล ให้ออกมาด่าผม เหมือนกับว่า แม้กระทั่งเพื่อนสนิทกันยังด่าเลย มีคนเดียวที่ยังไม่กล้าสักแอะหนึ่ง ชื่อ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ยังเก็บเงียบอยู่”นายสนธิ กล่าวถึงสาเหตุที่ต้องแฉนายทนง

ต่อมานายสนธิ ได้กล่าวถึงกรณีที่นายทนงพูดในระหว่างการประชุมคลังสัญจรที่จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยนายทนงพูดว่า เป็นห่วงกระแสข่าวเล็กๆ น้อยๆ ที่มีบุคคลบางกลุ่มสร้างขึ้นเพื่อสั่นคลอนความเชื่อมั่นของรัฐบาล โดยอาศัยนิสัยเบื่อง่ายของปัญญาชนไทย มาปลุกระดมกระแสเอาชนะทางการเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากลัว ด้วยการสร้างจิตวิทยามวลชน เพราะไม่ว่าจะพูดถูกหรือผิดคนจะฟัง เพราะฟังแล้วเกิดความันสะใจ ทำให้เกิดความเชื่อขึ้นมาได้ แม้จะพูดซ้ำไปซ้ำมา ซึ่งการสร้างกระแสของกลุ่มบุคคลดังกล่าวน่าเป็นห่วงมาก

“เนี่ย พ่อแม่พี่น้องเขาด่าผม แล้วเขาบอกพ่อแม่พี่น้องเป็นคนซึ่งเชื่อง่าย เป็นคนโง่ เพราะว่าพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกก็ยังเชื่อ ผมก็เลยบอกว่า จำทีจะต้องพิฆาตเพื่อนให้ถึงสิ้นชีพตักษัยเสียที ไม่เป็นไรคุณทนง ผมเองก็ไม่อยากพบคุณเท่าไหร่อายุมันมากแล้ว เวลาในโลกนี้มันเหลือน้อย คบคนให้น้อยลงจะดีกว่า เพราะฉะนั้นแล้ววันนี้ในภาษาบู๊ลิ้มเขาเรียกว่า เอากระบี่ตัดชายเสื้อกัน ก็คือ ให้ขาดซึ่งกันและกันไปเลย”นายสนธิกล่าว

หลังจากนั้นนายสนธิ ได้เปิดวีดีโอเทป รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ที่เคยออกอากาศทางช่อง 9 อสมท. เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2548 ซึ่งเขาได้กล่าวถึง 11 วันอันตรายก่อนการประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2540

เนื้อหาในวีดีโอเทปดังกล่าว สรุปได้ว่า หลังจากมีการโจมตีค่าเงินบาท และธนาคารแห่งประเทศไทยนำเงินกองทุนสำรองไปปกป้อง จนเงินสำรองใกล้จะหมดแล้ว ในวันที่ 21 มิถุนายน 2540 ผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประชุมกันและมีมติในที่ประชุมว่าจะลอยตัวค่าเงินบาท ซึ่งการประชุมดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่นายทนงเข้ามารับตำแหน่งรมว.คลังต่อจากนายอำนวย วีรวรรณ เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2540 อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครแจ้งมติดังกล่าวต่อพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรี ปล่อยให้พล.อ.ชวลิตให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่าจะไม่ลดค่าเงินบาทอย่างแน่นอน

ต่อมาวันที่ 26 มิ.ย. 40 ผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีการแจ้งมติการลอยตัวค่าเงินบาทให้นายทนงทราบ แต่นายทนงก็เก็บเงียบไว้ แม้ว่าจะเดินทางไปพบพล.อ.ชวลิตในวันที่ 29 มิ.ย. แต่ก็บอกพล.อ.ชวลิตว่า ให้ยืนยันว่าไม่ลอยตัว จนกระทั่งวันจันทร์ที่ 30 มิ.ย. 48 นายเริงชัย มะระกานนท์ ผู้ว่าฯแบงก์ชาติจึงไปบอกพล.อ.ชวลิตว่า ให้ประกาศลอยตัวค่าเงินบาท แต่พล.อ.ชวลิต ยังไม่ประกาศเพราะวันที่ 1 ก.ค. เป็นวันหยุดธนาคาร จึงเลื่อนไปประกาศวันพุธที่ 2 กรกฎาคม 25480

นายสนธิ กล่าวว่า ในช่วง 11 วัน นับจากที่ผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย มีมติจะลอยตัวค่าเงินบาท ไปจนถึงวันประกาศลอยตัวค่าเงินบาทนั้น จะต้องมีคนที่รู้ข้อมูล และนำไปบอกพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงทำให้บริษัทในเครือชินวัตรมีกำไรจากการประกาศลอยตัวค่าเงินบาทในครั้งนั้น ในขณะที่ธุรกิจส่วนใหญ่ได้รับความเสียหาย

“จำเอาไว้นะครับตัวละคร 5 ตัว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรี โภคิน พลกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่รู้ว่ามีบทบาทหน้าที่อะไรที่จะต้องเข้าประชุมเพื่อรับรู้การลดค่าเงินบาท สาม นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สี่ นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ และ ห้า นายเริงชัย มะระกานนท์ จำเอาไว้นะ 5 คน” นายสนธิกล่าวถึงบุคคลที่น่าสงสัยว่าจะเป็นคนนำข้อมูลการลอยตัวค่าเงินบาทไปบอกพ.ต.ท.ทักษิณ

นายสนธิกล่าวว่า ในจำนวน 5 ดังกล่าวนั้น นายทนงเป็นไปได้มากที่สุด เพราะในรัฐบาลทักษิณชุดนี้ นายทนงพูดตลอดเวลาว่า เขาไม่อยากจะรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพราะไม่อยากตอบปัญหาว่า 11 วันนั้นเกิดอะไรขึ้น

“ คุณไม่ตอบไม่เป็นไรเพราะว่าคุณก็ต้องตายไปกับมัน ชีวิตนี้เพราะว่าคุณไม่มีวันตอบได้แน่นอน 11 วันนั้นคืออะไร เพราะคุณตอบเท่าไหร่ผมคิดว่าสิ่งแวดล้อมมันทำให้คนเชื่อได้ว่าคุณต้องรับรู้ในเรื่อง 11 วันนั้น ฟังให้ดีๆ คุณทนง ก่อนที่จะเข้าไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนั้นทำงานอยู่บริษัท ชินวัตร ทำงานเรื่องการเงิน เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อเหตุการณ์ของการ การลดค่าเงินบาทพ่อแม่พี่น้องต้องเข้าใจมันปริบตาเดียวรวยแล้วก็จนได้ทันที คือถ้ารู้ว่าเงินบาทต้องลดใช่ไหมครับ จาก 25 บาท เป็น 30 บาท ก็รีบเอาเงินบาทที่มีอยู่ไปซื้อดอลลาร์ในราคา 25 บาทไว้ก่อน พอพรุ่งนี้มันเป็น 30 ก็ขายดอลลาร์ทิ้ง ก็กำไรดอลลาร์ละ 5 บาท”นายสนธิกล่าว

นายสนธิกล่าวต่อว่า เมื่อลอยตัวค่าเงินบาท ทุกบริษัทเจ๊งหมด ยกเว้นบริษัทของนายกฯ ทักษิณ ไม่เจ๊ง เพราะป้องกันตัวเองไว้หมดแล้ว ซึ่งก็น่าสงสัยว่าพ.ต.ท.ทักษิณดูออกได้อย่างไร บุคคลภายนอกไม่มีวันจะรู้เลยแม้แต่นิดเดียวว่า ทุนสำรองของประเทศตอนนั้นเหลืออยู่เท่าไร ไม่มีใครรู้ ขนาด พล.อ.ชวลิต พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ส่งทีมไปเจรจาขอกู้เงินที่จีน เพื่อเอามาช่วยเรื่องดอลลาร์ไม่มี ผู้ว่าแบงก์ชาติจีนเขาถาม นายศิริ การเจริญดี ยังบอกว่า เงินสำรองระหว่างประเทศเป็นความลับ บอกให้ใครทราบไม่ได้

“ผมถามว่าคนนอกจะไปรู้ได้อย่างไร เงินสำรองประเทศเหลือเท่าไร เข้าใจไหม เพราะฉะนั้นแล้วการที่รู้ว่าเงินบาทจะต้องตก เพราะว่าจะต้องมีการลดนั้น ก็คือการเอาข้อมูลที่ตัดสินใจกันไปเรียบร้อยแล้ว ภายใน 11 วันนั้นล่ะ เอาไปกระซิบบอกคนโน้นที บอกคนนั้นที บอกคนนี้ที ก็ถามต่อ งานนี้บริษัทชินวัตรไม่ผิด เพราะถือว่าเป็นพ่อค้า ผิดคืออีกาคาบข่าว ที่ไม่เห็นแก่ประโยชน์ของชาติ

"คุณไม่ต้องมาฟ้องผมนะชินวัตร เพราะผมไม่ได้ว่าคุณผิด เพราะคุณเป็นพ่อค้า คุณย่อมมีความโลภ โลภ มีโลภมาก โลภน้อย โลภไม่มีที่สิ้นสุด ส่วนคุณจะอยู่ในหัวข้อไหน ก็ คุณเลือกเอาเอง"

นายสนธิกล่าวต่อว่า เมื่อเป็นอย่างนี้ จึงมีคำถามถามว่า ใครที่มีโอกาสที่จะไปแจ้งให้บริษัทชินวัตร หรือบริษัทหลายบริษัท รู้ว่า จะมีการลดค่าเงินบาท ถ้ามองกันจริงๆ แล้ว หนีไม่พ้นที่ต้องตั้งข้อสงสัยที่นายทนง พิทยะ ก่อน ไม่ได้กล่าวหา แต่มีความเป็นไปได้ เนื่องจากความใกล้ชิดสนิทสนมดั้งเดิมที่ทำมาค้าขายกับเขามา และได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตอนนั้น ก็เพราะว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไปบอก พล.อ.ชวลิต ให้ตั้งนายทนง พิทยะ ขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

“อีกข้อหนึ่งที่ต้องพูดกัน เงินบาทพอร่วงปั๊บในครั้งแรก ตกจาก 25 บาท เหลือ 28 บาท วันนั้นใครเล่นเงินบาทก็สามารถจะขายทิ้งไปได้ กำไร 3 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์ แต่มีคนบางคนยังโลภ บอกว่าเงินบาทตก 28 บาท กำไร 3 บาท มันน้อยไป เพราะว่าซื้อดอลลาร์เก็บเอาไว้เยอะ แล้วทำอย่างไรจะให้บาทมันตกมากกว่านั้น ก็สั่งปิดไฟแนนซ์ 56 แห่งสิ เห็นหรือยัง ไปดูวัน ว. เวลา น. เข้าใจใช่ไหมฮะ วัน ว. เวลา น. ของเงินบาทที่ตกครั้งแรก แล้วผ่านไปอีกไม่นาน มีการปิดไฟแนนซ์ พอปิดไฟแนนซ์ปัง จาก 28 บาท เป็น 37 บาททันทีเลย กำไร 12 บาท ซื้ออยู่ 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เท่ากับซื้อไว้ 100,000 ล้านบาท ก็กำไร 30,000 กว่าล้านบาท นี่คือการร่ำรวยขึ้นมาบนซากศพของคนไทย คุณทนงคุณต้องตอบคำถามนี้จนกระทั่งคุณเกิดชาติหน้าแล้วตายไปอีก 10 ชาติคุณยังต้องตอบคำถามนี้ต่อไป”

นายสนธิ กล่าวอีกว่า สัปดาห์หน้าเขาจะยื่นจดหมายไปที่ธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อสอบถามว่า 1. ใคร และเวลาใดที่มีการซื้อเงินตราต่างประเทศ หรือทำสัญญาซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า ทั้งในช่วงก่อนลอยค่าเงินบาท และก่อนปิดสถาบันการเงินชั่วคราว 56 แห่ง ขอทราบข้อมูลนี้ก่อนว่าใครบ้างซื้อ

2. จะถามว่า ใครและเวลาใดที่คืนเงินกู้ต่างประเทศก่อนกำหนด หรือทำสัญญาคุ้มครองความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของเงินกู้ทั้งในช่วงก่อนลอยค่าเงินบาท และก่อนปิดสถาบันการเงิน 58 แห่ง ข้อ 3. จะถามว่า ใครและเวลาใดที่ถอนเงินบาทเป็นเงินสดเกิน 10 ล้านบาท ตั้งแต่เดือนมกราคม 2540 ถึง มีนาคม 2541 ที่ถามอย่างนี้ เพราะในช่วงนั้นมีกลุ่มผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง หิ้วเงินออกจากเมืองไทย เงินไทยเป็นสิบๆ ล้านบาท เอาไปให้ฝรั่งเพื่อโจมตีค่าเงินบาท ซึ่งตอนนั้นฝรั่งไม่มีเงินบาทอยู่ในมือ

ข้อ 4. ใครและเวลาใดที่สั่งซื้อสินค้านำเข้าจากต่างประเทศมาตุนมากผิดปกติเพื่อเก็งกำไรทั้งก่อนลอยค่าเงินบาท และก่อนปิดสถาบันการเงิน 58 แห่ง ข้อ 5. ใครและเวลาใดที่ทำสัญญาสวอปทั้งในช่วงเวลาก่อนลอยค่าเงินบาท และก่อนปิดสถาบันการเงินเป็นการชั่วคราวทั้ง 58 แห่ง

ทั้งนี้ นายสนธิ กล่าวว่า จะยื่นจดหมายวันจันทร์นี้ ซึ่งคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะไม่ให้ข้อมูล เพราะเป็นหารถามไปที่กล่องดวงใจรัฐบาล จะมีคำตอบได้อย่างไร

“เพราะฉะนั้นแล้วตาดูฟ้าเท้าติดดิน อย่าไปนึกว่าเก่ง ผมจะบอกพ่อแม่พี่น้องให้ ใครก็ตามทำธุรกิจที่ผูกขาด แล้วขายอากาศนาทีละ 3 บาท ไม่รวยให้มันรู้ไปสิ แล้วไปบอกว่าเก่ง ผมไม่เห็นเก่งตรงไหนเลย แน่จริงมาจัดเมืองไทยรายสัปดาห์แข่งกับผมสิ”นายสนธิกล่าวก่อนจบช่วงแรกของเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรครั้งที่ 12










แฉข่าวรั่วเบรก “ภูมิธรรม”คุมสุวรรณภูมิ- เปิดโปงแปรรูปบทด.เอื้อพวกพ้องทรท.
“สนธิ”แฉ “เฮียเพ้ง”เซ็นโอนงานสนามบินสุวรรณภูมิ ให้ “ภูมิธรรม”ดูแล ก่อนกลับใจ เหตุข่าวรั่วรู้ถึงหู“ราชเลขาฯ” ต่อสายตรงถาม “วิษณุ” อ้างพนักงานพิมพ์ผิด ย้ำเกิดมาไม่เคยเห็นการทุจริตคอร์รัปชันมโหฬารเท่าโครงการนี้มาก่อน ชี้นักการเมืองสบคบผู้รับเหมาโกงกินชาติ ขณะเดียวกันเปิดโปง “ภูมิธรรม” รวมหัวกลุ่มการเมืองฮุบ บทด.เอื้อพวกพ้องทรท.หวังผูกขาดธุรกิจขนส่งทางทะเล

วันนี้(16 ธ.ค.) รายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 12 เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 18.00 น.โดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล และ น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์ ผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ยังคงได้รับสนับสนุนจากประชาชนเข้ามาฟังอย่างเนืองแน่นเหมือนเช่นเคย โดยนายสนธิได้กล่าวถึงการกลับคำสั่ง ของนาย พงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.48 ที่ให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ดูแลสนามบินสุวรรณภูมิ แทนพล.อ.ชัยนันท์ เจริญศิริ รมช.คมนาคม แต่ปรากฎว่าตกดึกของคืนวันเดียวกันก็มีการยกเลิกคำสั่งดังกล่าวโดยให้พล.อ.ชัยนันท์ ดูแลสนามบินสุรรณภูมิเหมือนเดิม เพราะการที่รัฐบาลนี้เลือกพล.อ.ชัยนันท์เข้ามาก็เพื่อให้มาเร่งการก่อสร้างสนามบินสุรรณภูมิให้เสร็จตามเวลาที่กำหนด เพราะพล.อ.ชัยนันท์เป็นทหารช่าง

ผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ กล่าวต่อว่า แต่ก่อนที่พล.อ.ชัยนันท์เข้ามานั้นพวกนักการเมือง มาเฟียสนามบิน ผู้รับเหมา มันกินโต๊ะจีนกันเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว พล.อ.ชัยนันท์เข้ามาล้างชามที่บิ่นที่ร้าวเท่านั้น จะเห็นได้จากปัญหาในสนามบินสุรรณภูมิมากมาย อุปกรณ์การก่อสร้าง อุปกรณ์ที่ติดตั้งคุณภาพต่ำ รันเวย์มีปัญหาแตกร้าว อีกไม่นานรันเวย์กว่า 3 หมื่นตารางเมตร ก็ต้องรื้อใหม่ทั้งหมด เพราะเมื่อจะมีการเซ็นต์รับงานจากผู้รับเหมา พล.อ.ชัยนันท์ ก็บอกว่ายังเซ็นต์รับงานไม่ได้ สนามบินยังมีปัญหาอีกเยอแยะ และหนึ่งในทีมของ พล.อ.ชัยนัทน์ ทนไม่ไหว ก็เลยไปบอก นายอาสา สารสิน ราชเลขาฯว่ามีการทุจริตคอร์รัปชัน นายอาสา ก็โทรไปหา นายวิศณุ เครืองงาม รองนายกรัฐมนตรี ว่าในหลวงเพิ่งจะมีกระแสรับสั่งไปเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ยังกล้ากันอีกหรือ จึงเป็นที่มาของการกลับคำสั่งให้ พล.อ.ชัยนันท์ กลับมาดูงานสนามบินสุรรณภูมเหมือนเดิม แต่ยังมีหน้ามาบบอกว่าพนักงานพิมพ์ผิด

“สนามบินสุรรณภูมิยังมีปัญหาที่ผมยังไม่ได้พูดอีกมาก ผมเห็นว่าตั้งแต่มีประเทศไทยมา ไม่มีโครงการไหนทุจริต คดโกง ฉ้อราษฎรบังหลวง มากเท่าสนามบินนี้ ตั้งแต่เปอร์เซ็นต์การก่อสร้าง ซอฟแวร์ต่างๆ ขณะเดียวกันที่นายกฯไปเปิดสนามบินอย่างเป็นทางการ ก็เป็นการช่วยผู้รับเหมา เหมือนกับว่ารับงานไปโดยปริยาย ทั้งที่งานก็ไม่เสร็จตามกำหนด เป็นวิชามารที่นักการเมืองทำกัน พล.อ.ชัยนันท์บอกว่าจะปรับผู้รับเหมาที่งานไม่เสร็จตามกำหนดสิ้นเดือน ธ.ค.นี้ โดยจะปรับวันละ 5 ล้าน นี่เป็นเหตุผลที่ผู้รับเหมารวมหัวกับนักการเมืองต้องการจะเตะ พล.อ.ชัยนันท์ออกไป เป็นความเลวของรัฐบาลชุดนี้”

นายสนธิกล่าวว่า เมื่อพูดถึงนายภูมิธรรม ก็ยังมีเรื่องที่ตนต้องพูดอีกคือ บริษัทไทยเดินเรือทะเล หรือบทด.ที่อยู่ในความดูแลของนายภูมิธรรม รมช.คมนาคม เป็นรัฐวิสาหกิจขนส่งทางทะเลหรือโลจิสติค รัฐบาลต้องการแปรรูปเป็นเกมของการโกง การผูดขาด เป็นทาสลูกหลานของเขาไปตลอดชีวิต บทด.เป็นรัฐวิสาหกิจที่ไม่เคยมีใครสนใจจะแปรรูปมาตั้ง 18 ปีที่แล้วก็ยังทำไม่ได้ แต่จู่ๆก็มีคนสมองใสเอาขึ้นมาแปรรูป โดยให้ สมาคมเจ้าของเรือ23 บริษัท เข้ามาถือหุ้น 70 เปอร์เซ็นต์ เงินที่ลงไปทั้งหมด 90 ล้านบาท เมื่อแปรรูปแล้วก็จะเอามติครม.ไปคุยกับต่างปตท. โอนการขนส่งน้ำมันมาให้บริษัทเหล่านี้ทำ บริษัทที่ถือหุ้นคือบริษัทคุณนที ที่เอาเรือมาลงทุน 41 เปอร์เซ็นต์

ผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ กล่าวด้วยว่า บริษัทคุณนที เป็นเอกชนผู้ขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงรายใหญ่ 1 ใน 2 อันดับแรกของประเทศ มีผู้ถือหุ้นที่น่าสนใจ เป็นของกลุ่มไทยรักไทยทั้งสิ้น โดยมีเพื่อนๆของ นายภูมิธรรม เป็นหลักอยู่ เท่ากับว่าบริษัทคุณนทีนี้รับไปเนื้อๆเลย
ซึ่งผู้ถือหุ้นประกอบด้วย 1.นายชูรัฐ เลาหพงศ์ชนะ เครือญาตินายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ถือหุ้น 133,335 หุ้น 2.บริษัทเจ้าพระยาประกันภัย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทของตระกูลเลาหพงศ์ชนะ ถือหุ้น 330,000 หุ้น 3.คุณสุนิสา ปฐมพฤกษ์ กรรมการบริษัทเจ้าพระยาประกันภัย ที่ยังเป็นกรรมการอยู่ในกลุ่มเอ็มลิ้งค์ของ น.ส.มณฑาทิพย์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 3..นายสมบูรณ์ สิมะแสงยากรณ์ ที่ปรึกษานายภิธรรม ใช้สิทธิรัฐมนตรีถืหุ้นในรัฐวิสาหกิจ เป็นได้อย่างไร ยิ่งกว่าการปล้นการแดด นอกจากนี้ยังมีนายสวาย อุดมเจริญชัยกิจ 203,335 หุ้น เป็นนักธุกิจ อดีตคนเดือนตุลา นายเมธี เกียรติก้องขจร ที่ปรึกษานายภูมิธรรม เวชยชัย รมช.คมนาคม เป็นกรรมการ บทด.

“นี่คือการกินโต๊ะจีนของนักการเมือง เอาสมบัติชาติมาขายเฉลี่ยเผื่อแผ่รับประมานกัน เอาสิทธิรัฐวิสาหกิจมาผ่องถ่ายให้พวกพ้องตัวเอง ใช้เว้นสายทางการเมือง เพื่อไปคุยกับปตท.ผ่านทาง นายวิเศษ จูภิบาล รมว.พลังงานฯ โอนสิทธิในการขนส่งมาให้บริษัทนี้ผูกขาด นี่เป็นเพียงตังอย่างเล็กๆตัวอย่างหนึ่ง ที่รัฐบาลไม่เคยตอบไม่เคยแถลงให้ชัดเจน ทั้งซี 130 และเครื่องบินซูของรัสเซีย แต่พวกเราไม่เคยคิดชั่วแบบนั้น เรามีหิริโอตะปะ” นายสนธิกล่าว


ยังไม่มีคำวิจารณ์ สำหรับ บทความนี้
คนตั้ง  : 
อีเมล์ :
คำวิจารณ์  : 
วันที่ตั้งกระทู้  : 
16-04-2024


เวป หางาน ค้นหางาน ตำแหน่งงาน พนักงาน ejobonline.com