บทความ เรื่อง : พ่อแม่ผวายากูซ่าลวง ลูกสาวแต่งยุ่นผ่านเน
   

บทความเลขที่ 96
คนสร้างบทความ :
นายหิว
วันที่ตั้งบทความ :
2004-01-20
คะแนนบทความ :
1176(เฉพาะเดือนนี้ )
จำนวนคนอ่าน :
3032(เฉพาะเดือนนี้ )
   


พ่อแม่ผวายากูซ่าลวง ลูกสาวแต่งยุ่นผ่านเน

------------------------------------------------------------------------------------------------
นศ.สาวขอนแก่นทำพ่อแม่กลุ้ม หลังติดต่อผ่านอินเทอร์เน็ตคุยหนุ่มญี่ปุ่น ก่อนตัดสินใจทิ้งการเรียนรับหมั้นหนุ่มอาทิตย์อุทัยผ่านบริษัทจัดหาคู่ ซึ่งเลือกเฉพาะสาววัยรุ่นน่ารักให้หนุ่มญี่ปุ่น เจ้าตัวรับตัดสินใจยากหลังรับหมั้นเป็นเงินหมื่นพร้อมทอง 4 บาท ก่อนเตรียมไปใช้ชีวิตในญี่ปุ่น แม่ยอมรับกลัวเป็นเหยื่อยากูซ่า

เหตุนักศึกษาสาวไทยรับหมั้นหนุ่มญี่ปุ่นรายนี้ เกิดขึ้นโดยผู้สื่อข่าว "คม ชัด ลึก" ประจำศูนย์ข่าวขอนแก่น ได้รับแจ้งจากญาติ น.ส.นิด (นามสมมติ) นศ.ระดับ ปวส.ในสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น ว่าเมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา ทั้งหมดจัดพิธีหมั้นระหว่าง น.ส.นิด กับคนที่อ้างว่าเป็นชาวญี่ปุ่นที่ไม่เคยพบกันมาก่อน

การร้องเรียนดังกล่าว เกิดขึ้นเพราะญาติของ น.ส.นิด วิตกว่าการหมั้นดังกล่าวอาจจะมีเงื่อนงำ จึงขอ "คม ชัด ลึก" ช่วยตรวจสอบด้วย เพราะทั้ง 2 คนคือสาวไทยและหนุ่มญี่ปุ่นไม่เคยรู้จักกันมาก่อน โดยให้รายละเอียดว่า ผู้ชายชาวญี่ปุ่นอายุ 37 ปี ขณะที่ น.ส.นิดอายุ 19 ปี โดยวิตกว่า น.ส.สนิดถูกหลอก เพราะเมื่อจัดพิธีหมั้น ทางหนุ่มญี่ปุ่นก็ให้พ่อแม่ฝ่ายหญิงเซ็นเอกสาร ก่อนมอบเงินให้เป็นของหมั้น 1 หมื่นบาท และทองคำ 4 บาท พร้อมรับปากว่าวันแต่งงานที่จะจัดขึ้นในเดือน ก.พ.จะจ่ายสินสอด 1 แสนบาท

หลังรับทราบ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบนางหมาย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี บ้านพักอยู่ใน อ.เมืองขอนแก่น มารดาของ น.ส.นิด ซึ่งทราบว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 ม.ค.ที่บ้านได้จัดพิธีหมั้นระหว่าง น.ส.นิดกับชาวญี่ปุ่น โดยญาติพี่น้องและพ่อแม่ไม่รู้ประวัติของหนุ่มญี่ปุ่นว่าที่ลูกเขยเลย

"ญาติๆ หลายคนก็มีความเป็นห่วง แต่ไม่สามารถทัดทานการตัดสินใจของลูกสาวได้เลย" นางหมาย กล่าวและว่า ตนเพิ่งเคยพบหน้าว่าที่ลูกเขยชาวญี่ปุ่นเพียง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกคือเดือน พ.ย.2546 และในวันหมั้น โดยการพบพูดคุยแต่ละครั้งจะมีล่ามช่วยแปล และพบครั้งละไม่เกิน 2 ชั่วโมง

นางหมาย เล่าต่อว่า น.ส.นิดบอกว่า ได้ติดต่อหนุ่มญี่ปุ่นคนดังกล่าวผ่านทางอินเทอร์เน็ต และชอบพอกัน จนหนุ่มญี่ปุ่นคนนี้ได้เดินทางมาพบลูกสาวที่ จ.ขอนแก่น และตกลงจะแต่งงานกันในเดือน ก.พ. โดยตกลงค่าสินสอดเป็นเงิน 1 แสนบาท และทองคำหนัก 4 บาท และเมื่อวันที่ 11 ม.ค. หนุ่มญี่ปุ่นก็ได้มาหมั้น น.ส.นิด โดยมอบทองคำหนัก 4 บาท และเงินสด 1 หมื่นบาท ส่วนเงินค่าสินสอด 1 แสน จะมอบให้เจ้าสาวในวันแต่งงานเดือนหน้า

"ไม่รู้เลยว่าเขาติดต่อกันอย่างไร พูดคุยกันนานแค่ไหน รู้เพียงว่าทั้งคู่ติดต่อกันทางอินเทอร์เน็ต โดยมีบริษัทหาคู่แห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่นเป็นคนติดต่อให้ และเมื่อวันที่ 11 ม.ค. ลูกสาวก็มาหาและบอกว่าจะให้ไปเซ็นสัญญาอะไรก็ไม่รู้ ซึ่งดิฉันได้ไปพร้อมญาติพี่น้อง แต่ไม่รู้ว่าเอกสารที่เซ็นไปเป็นอะไร และไม่รู้ว่าสิ่งที่ลูกสาวเล่าให้ฟังเกี่ยวกับหนุ่มญี่ปุ่นที่บอกว่าเป็นวิศวกรนั้นจริงไหม เคยถามลูกว่าเมื่อแต่งงานแล้วการเรียนจะทำอย่างไร เพราะขณะนี้ยังเรียนหนังสือไม่จบ ลูกสาวก็บอกว่าไม่เรียนแล้ว จะไปอยู่ญี่ปุ่นและไปหาเงินเรียนต่อที่นั่นเลย" นางหมาย กล่าวและยอมรับว่า หลังจากจัดพิธีหมั้นให้ลูกสาวแล้ว ตัวเองก็นอนไม่หลับทั้งคืน เพราะเป็นห่วงลูกสาวเนื่องจากไม่รู้ว่าเอกสารที่เซ็นไปเป็นเอกสารอะไร และจะมีผลกระทบมาถึงตัวลูกสาวในอนาคตหรือไม่

นางหมายยอมรับว่า แม้ น.ส.นิดบอกว่าไม่มีปัญหา แต่ก็วิตกว่าลูกสาวจะถูกหลอกไปขายตัวที่ญี่ปุ่น เพราะมีข่าวเช่นนี้บ่อยครั้ง แต่ไม่กล้าไปปรึกษาใคร เพราะตัวเองก็ยากจน มีอาชีพทำไร่ทำนา ส่วนสามีซึ่งอายุมากแล้วก็ไปเป็นยามให้โรงงานกระดาษ และเชื่อว่า การตัดสินใจครั้งนี้ น.ส.นิดคงสงสารพ่อแม่ เลยอยากจะหาเงินมาช่วยเหลือครอบครัว รวมทั้งช่วยเหลือน้องที่กำลังเรียนอยู่ ส่วนตัวเธอยังอยากให้ น.ส.นิดเรียนหนังสือให้จบก่อน เพราะขณะนี้ก็เรียนโดยใช้เงินกู้ยืมเรียน รวมทั้งกลัวจะมีปัญหากับโรงเรียน

"อยากให้ผู้สื่อข่าวช่วยสืบให้หน่อยว่าชาวญี่ปุ่นที่มาหมั้นลูกสาวฉันเป็นใคร จะเป็นแก๊งค้าผู้หญิงหรือไม่ จะหลอกลวงลูกสาวหรือเปล่า เพราะฉันมีความรู้น้อยและไม่รู้ว่าอนาคตของลูกสาวจะเป็นเช่นไร รู้แต่เพียงว่าพอแต่งงานแล้วเขาจะให้เรียนภาษาญี่ปุ่นประมาณ 5-6 เดือน ก่อนไปอยู่ญี่ปุ่น ซึ่งไม่รู้ว่าพอไปแล้วจะเป็นอย่างไร แต่ถ้าหากผู้ชายญี่ปุ่นคนนั้นเป็นคนดีก็ไม่ห้าม แล้วแต่ลูกสาวจะตัดสินใจ แต่ก็อยากจะให้ลูกเรียนหนังสือให้จบก่อนจึงจะแต่งงาน" นางหมาย กล่าว

นางจัน ญาติอีกคนของ น.ส.นิด ที่มีบ้านอยู่ใกล้กัน เล่าว่า น.ส.นิดเป็นคนดี นิสัยเรียบร้อย ช่วยเหลือครอบครัวมาตลอด และครูอาจารย์ทุกคนรัก โดยอาจารย์หางานพิเศษให้ทำที่ห้องคอมพิวเตอร์ และการตัดสินใจแต่งงานกับคนญี่ปุ่นก็ไม่มีใครรู้ เพราะเท่าที่ทราบ น.ส.นิดไม่มีแฟนและไม่เคยพาผู้ชายมาบ้าน แม้ช่วงเรียนที่ไปเช่าหอพักอยู่ในเมืองก็จะกลับบ้านสัปดาห์ละครั้ง

"ตอนไปงานหมั้น ฉันก็ไปเป็นเพื่อนแม่เขา เราเองก็ไม่รู้ว่าเรื่องเป็นอย่างไร รู้แต่ว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนญี่ปุ่น ท่าทางเรียบร้อยดี แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นตัวตนที่แท้จริงของเขาไหม เพราะเราพูดภาษาเขาไม่ได้ พอหมั้นเสร็จเขาให้เซ็นเอกสารเป็นพยานรับรู้ ฉันก็เซ็นเพราะไม่รู้ว่าเป็นเอกสารอะไร พอเซ็นแล้วก็กลับบ้าน และมานั่งคุยกันเพราะเป็นห่วงนิด แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี" นางจัน กล่าว

ด้าน น.ส.นิด เจ้าของเรื่องที่เกิดขึ้นเปิดเผยว่า หลังจากรับหมั้นหนุ่มญี่ปุ่นแล้ว ตนก็ทำอะไรไม่ถูก ตอนนี้ยอมรับว่ารู้สึกกลัว เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นกะทันหันมาก จนขาดเรียน 2-3 วันแล้ว เพราะสับสนจนไม่มีสมาธิจะไปเรียนหนังสือ รวมทั้งคิดเรื่องแต่งงาน จนสับสนไปหมด

นศ.สาวเล่าถึงที่มาของงานหมั้นและการแต่งงานว่า เกิดขึ้นโดยมีเพื่อนที่เรียนด้วยกัน ชวนให้ส่งรูปไปที่บริษัทจัดหาคู่แห่งหนึ่ง ซึ่งเปิดอยู่บริเวณริมบึงแก่นนคร เพราะมีญาติพี่น้องทำงานที่นั่น โดยตัวเองส่งรูปไป 3 ใบ พร้อมกรอกประวัติสั้นๆ จากนั้นประมาณ 2 เดือนเพื่อนก็บอกว่าติดต่อได้แล้ว จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ของบริษัทมาติดต่อและนัดหมายผู้ชายญี่ปุ่นมาพบ พร้อมหมั้นหมายกันไว้ ส่วนเพื่อนที่มาชวน ตอนแรกบอกว่าจะไปด้วย แต่กลับบอกว่าอยากจะเรียนให้จบก่อน

"หนูยังไม่รู้จักชื่อจริงนามสกุลจริงของผู้ชายญี่ปุ่นคนนั้นเลย รู้แต่ชื่อเล่น ตอนแรกก็กลัวจะถูกหลอก แต่มาคิดอีกที เราทำเพื่อพ่อแม่และน้องก็อยากจะลองเสี่ยงดู ตัดสินใจไม่อยากจะไปเรียน แต่มาคิดอีกทีก็ไม่อยากจะไปญี่ปุ่นแล้ว เพราะกลายเป็นเรื่องใหญ่ เพื่อนๆ และครูรู้กันหมด อายเพื่อน เลยคิดว่าอยากจะเอาเงินและทองคืนเขาไป แต่กลัวจะมีปัญหา เพราะเขาบอกว่าหากถอนหมั้นจะต้องเสียค่าปรับ 2 เท่า กลัวว่าพ่อแม่จะไม่มีเงินให้เขา" น.ส.นิด กล่าว

นศ.สาวคนเดิมยอมรับด้วยว่า หลังจัดงานหมั้น เธอก็วิตกมากเกี่ยวกับหนุ่มญี่ปุ่นคนนั้นมาก เพราะก่อนหน้านี้ ในการโทรศัพท์พูดคุย ทั้งคู่คุยภาษาไทยครั้งละหลายชั่วโมง แต่เมื่อเจอหน้ากลับพูดภาษาญี่ปุ่นและต้องคุยผ่านล่าม รวมทั้งเมื่อคู่หมั้นชาวญี่ปุ่นเดินทางกลับ ก็มีเจ้าหน้าที่จากบริษัทมาขอเงิน 2,000 บาท และมาขอที่หอพักเพิ่มอีก 500 บาท โดยอ้างว่าเป็นค่าเสียเวลา และบอกไม่ให้เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร

ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อขอรายละเอียดจากบริษัทรับหาคู่ดังกล่าว ก็ได้รายละเอียดว่า หากผู้หญิงไทยคนใดสนใจอยากจะแต่งงงานกับผู้ชายญี่ปุ่น ก็ให้ส่งภาพถ่ายและประวัติส่วนตัวสั้นๆ เพื่อให้หนุ่มญี่ปุ่นพิจารณา โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ จากนั้นก็จะมีบริษัทคู่ค้าที่ญี่ปุ่นเป็นคนพิจารณาหนุ่มญี่ปุ่นมาคัดเลือกสาวไทยที่ส่งรูปและประวัติมา โดยให้รายละเอียดว่า หนุ่มญี่ปุ่นสนใจสาวไทยอายุประมาณ 20-30 ปี นิสัยเรียบร้อย ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ และมีการศึกษา โดยเน้นหน้าตาว่าจะต้องน่ารัก

ส่วนค่าสินสอดนั้น เจ้าหน้าที่บริษัทเปิดเผยว่า กำหนดเอาไว้คร่าวๆประมาณ 1 แสนบาท และทองคำหนัก 3 บาท และเมื่อตกลงใจหมั้นหมายแล้วจะให้ฝ่ายหญิงเรียนภาษาญี่ปุ่นประมาณ 5-6 เดือนก่อนเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น โดยบริษัทจะดำเนินการให้ทั้งหมด โดยจะคิดค่านายหน้าจากฝ่ายชายในราคาจากค้าสินสอดแสนละ 1 หมื่นบาท และยืนยันว่าที่ผ่านมา มีผู้หญิงไทยหลายคนแต่งงานและไปใช้ชีวิตอยู่ประเทศญี่ปุ่นอย่างมีความสุข

ด้านนายพยัต ชาญประเสริฐ นายอำเภอเมืองขอนแก่น เปิดเผยว่า บริษัทจัดหาคู่เหล่านี้ไม่มีการจดทะเบียนการค้าที่ถูกต้อง ส่วนใหญ่ตั้งขึ้นมาเป็นบริษัทเถื่อน และคนที่ไปสมัครก็สมยอมที่จะเข้าไป จึงเอาผิดได้ยาก แต่หากมีการร้องเรียนและมีผู้เสียหาย ทางการก็สามารถเข้าไปดำเนินการได้ทันที

"เราจะไปตรวจสอบให้ เพราะก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาค่อนข้างจะไม่ดี กรณีที่มีผู้หญิงไทยไปแต่งงานกับชาวต่างชาติแล้วถูกหลอกลวง ทำให้ได้รับความเสียหาย แต่ในขอนแก่นยังไม่เกิดขึ้น แต่จะติดตามเรื่องนี้ดู" นายอำเภอเมืองขอนแก่น กล่าว


ยังไม่มีคำวิจารณ์ สำหรับ บทความนี้
คนตั้ง  : 
อีเมล์ :
คำวิจารณ์  : 
วันที่ตั้งกระทู้  : 
29-03-2024


เวป หางาน ค้นหางาน ตำแหน่งงาน พนักงาน ejobonline.com