บทความเลขที่
421 |
|
คนสร้างบทความ : |
a |
วันที่ตั้งบทความ : |
2005-09-12 |
คะแนนบทความ : |
1158(เฉพาะเดือนนี้ ) |
จำนวนคนอ่าน : |
3060(เฉพาะเดือนนี้ ) |
 ชีวิตบัดซบเด็กสาวหนีพ่อเลี้ยงหื่นกามปะโชเฟอร์สองแถวชั่วข่มขืนซ้ำจนท้อง ------------------------------------------------------------------------------------------------ |
ชีวิตบัดซบเด็กสาวหนีพ่อเลี้ยงหื่นกามปะโชเฟอร์สองแถวชั่วข่มขืนซ้ำจนท้อง โดย ผู้จัดการออนไลน์ 11 กันยายน 2548 18:06 น. นครศรีธรรมราช - สุดอนาถชีวิตรันทดสาวน้อย 14 ขวบ หนีเสือปะจระเข้! หนีพ่อเลี้ยงหื่นกามจากปาดังเบซาร์เจอสองแถวชั่วเมืองคอนลวงเข้าม่านรูด ขืนใจซมซานกลับบ้านก่อนรู้ท้อง 1 เดือน กมธ.เด็กและสตรี นำตัวเข้าแจ้งความ ชีวิตสาวน้อยวัย 14 สุดบัดซบเจอพ่อเลี้ยงชั่วบังคับข่มขืนหนีออกจากบ้านที่นครศรีธรรมราช เจอสองแถวลวงขยี้กามซ้ำรายนี้ ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (11 ก.ย.) นางดวงตา พรหมฤกษ์ อายุ 54 ปี อยู่ 1/13 ถ.พระอิศวร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้เข้าร้องขอความช่วยเหลือจากนางอารมย์ มีชัย ประธานมูลนิธิคุ้มครองเด็กภาคใต้ และนักวิชาการประจำคณะกรรมาธิการกิจการสตรีเด็ก เยาวชน และผู้สูงอายุ วุฒิสภา เพื่อหาทางช่วยเหลือ ด.ญ.ต้อย (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ที่ได้หนีออกมาจากบ้าน จาก ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา และเมื่อเดินทางมาถึง จ.นครศรีธรรมราช ได้มาพบกับโชเฟอร์สองแถวสายหัวถนนสนามกีฬา ต.ในเมือง อ.เมืองนครศรีธรรม ล่อลวงเข้าม่านรูดจนตั้งครรภ์ นางดวงตา เปิดเผยว่า ในเรื่องนี้ได้พาตัวเด็กเข้าไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.อาคม จอนนุ้ย พนักงานสอบสวนเวร สภ.อ.เมืองนครศรีธรรมราช เมื่อเย็นวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว ทั้งนี้สืบเนื่องจากเย็นของวันที่ 10 ก.ย.ได้ไปขายผลไม้ที่สนามหน้าเมือง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้สังเกตเห็นว่า ด.ญ.ต้อยยืนอยู่ในสภาพร้องไห้น้ำตานองหน้าจึงเข้าไปสอบถามจนทราบเรื่องที่เกิดขึ้น และหากเห็นว่าปล่อยไว้อาจจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นมาอีกจึงพาตัวเข้าไปแจ้งความแล้วนำตัวไปดูแลก่อนก่อนที่จะหาทางช่วยเหลือโดยการพามาขอความช่วยเหลือจากนางอารมย์ ด.ญ.ต้อย ซึ่งอยู่ในสภาพอิดโรย ได้เล่าให้ฟังว่าอาศัยอยู่กับแม่และพ่อเลี้ยงที่บ้านพักคนงานกรีดยางในพื้นที่ ม.2 ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา แต่ภูมิลำเนาเดิมนั้นอยู่ที่ กิ่ง อ.ช้างกลาง จ.นครศรีธรรมราช โดยตนเองนั้นจบชั้น ป.6 แล้วไม่ได้เรียนต่อต้องรับหน้าที่ดูแลน้องอีก 4 คน ซึ่งก่อนหน้านี้พ่อแม่ได้กลับมาเยี่ยมญาติที่ กิ่ง อ.ช้างกลาง แต่ปรากฏว่าพ่อเลี้ยงได้กลับไปที่พักก่อนแม่อ้างว่าจะไปตัดกิ่งไม้โดยทิ้งให้แม่อยู่ที่ กิ่ง อ.ช้างกลางจะตามไปทีหลัง หลังจากที่กลับบ้าน ตกกลางคืนพ่อเลี้ยงได้พยายามปลุกปล้ำถอดเสื้อผ้า ข่มขืน ส่วนตัวเองนั้นพยายามต่อสู้จนรอดมาได้ เมื่อแม่กลับมาจึงเล่าให้แม่ฟังจนแม่ได้เข้าไปต่อว่าและทะเลาะกับพ่อเลี้ยงตลอด ขณะที่พ่อเลี้ยงก็พยายามที่จะลวนลามตนเองอยู่ตลอดเช่นกัน ส่วนแม่นั้นได้ประกาศกับตนเองว่าหากจับได้ว่ามีความสัมพันธ์กับพ่อเลี้ยงจะลงมือเชือดคอให้ตายคามือทีเดียว ด.ญ.ต้อย ยังกล่าวต่อว่า หลังจากนั้นตนเองอยู่ในสภาพที่ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านมาเมื่อวันที่ 18-19 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยรถประจำทางจาก จ.สงขลา จนกระทั่งมาถึงนครศรีธรรมราช มาลงรถที่สนามหน้าเมืองแล้วคิดไม่ออกว่าจะไปที่ไหนต่อ ระหว่างนั้นมีโชเฟอร์รถสองแถวเข้ามาสอบถามมีลักษณะเป็นคนอายุราวกว่า 40 ปี รูปร่างท้วมผมหงอก ขับรถสองแถวสีน้ำเงิน ได้หลอกสอบถามแล้วชักชวนให้ขึ้นรถจากนั้นได้พาเข้าไปในโรงแรมม่านรูดนอกเมือง และบังคับข่มขืนหลายครั้งจนกระทั่งเช้า พอเช้าขึ้นมาชายคนดังกล่าวได้ขับรถคันเดิมไปส่งที่ อ.หัวไทร และให้เงินไป 200 บาท และให้ขึ้นรถประจำทางสายหาดใหญ่นครศรีธรรมราชกลับไปที่ จ.สงขลา หลังจากที่กลับถึงบ้านแล้วนั้นตกอยู่ในความเครียดมาโดยตลอด ส่วนพ่อเลี้ยงนั้นพยายามที่จะลวนลามและข่มขืนอยู่อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งตัวเองคิดไม่ตกและสังเกตเห็นว่าประจำเดือนไม่มาตามปกติจึงเข้าใจว่าตั้งท้องจึงหนีออกจากบ้านอีกครั้งกลับมาที่นครศรีธรรมราช เพื่อหาตัวคนขับรถสองแถวให้รับผิดชอบแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น จึงมายืนรอที่หน้าเมืองแต่ไม่พบจนมีคนมาช่วย และการกลับมาครั้งนี้นั้นจะไม่กลับไปที่บ้านอีกแล้ว ด.ญ.ต้อยกล่าว ทางด้าน นางอารมย์ มีชัย นักวิชาการประจำคณะกรรมาธิการกิจการสตรีฯ วุฒิสภา ซึ่งติดภารกิจอยู่ที่ กทม.ได้เปิดเผยผ่านทางโทรศัพท์กับผู้ช่วยในมูลนิธิว่าให้ช่วยเหลือไปในเบื้องต้นก่อนที่จะกลับมาแล้วจะดำเนินเรื่องไปตามขั้นตอนเพื่อติดตามตัวโชเฟอร์สองแถวมาดำเนินการ และขณะเดียวกันจะได้ติดตามพ่อเลี้ยงมาให้เจ้าหน้าที่สอบสวนด้วย |
