บทความเลขที่
552 |
|
คนสร้างบทความ : |
นายแมน |
วันที่ตั้งบทความ : |
2005-12-01 |
คะแนนบทความ : |
1475(เฉพาะเดือนนี้ ) |
จำนวนคนอ่าน : |
3874(เฉพาะเดือนนี้ ) |
จับฉีดฮอร์โมนบำบัดทางจิตบังคับให้เลิก แผนกำจัดเกย์ ------------------------------------------------------------------------------------------------ |
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เตรียมแผนกำจัดเกย์ จับบำบัดทางจิตพ่วงฉีดฮอร์โมนเพศชาย อเมริกาประท้วงอ้างขัดหลัก ก.ม.สากล กลุ่มเกย์เมืองไทยโวย ลิดรอนสิทธิมนุษยชน ขาดองค์ความรู้ เตรียมร่วมกับกลุ่มเกย์โลกเคลื่อนไหว แผนการกำจัดเกย์ของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ด้วยการจับกุมเกย์และเลสเบี้ยนในงานแต่งงานของชายรักชาย ไปบำบัดทางจิตและฉีดด้วยฮอร์โมนเพศชาย ถือเป็นเรื่องที่องค์กรเกย์หลายแห่งทั้งไทยและเทศไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง โดยเห็นว่าเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพและละเมิดมนุษยธรรม ทั้งนี้ พ.ต.อ.นาจม์ อัล-ซายาร์ โฆษกตำรวจแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) แถลงเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนว่า ตำรวจได้เตรียมแผนที่จะบำบัดบรรดากลุ่มรักร่วมเพศ ไม่ว่าจะด้วยวิธีทางการแพทย์ หรือด้วยจิตบำบัด รวมไปถึงการบำบัดด้วยฮอร์โมน ประเภทเทสโทสเตอร์โรน เนื่องจากมองว่าเป็นพฤติกรรมที่ขัดต่อศีลธรรมของสังคมอาหรับ อีกทั้งขัดต่อกฎหมายของประเทศอาหรับทุกประเทศ สำหรับแผนดังกล่าวมีขึ้นหลังจากตำรวจยูเออี บุกเข้าจับกุมกลุ่มรักร่วมเพศชาวเอเชีย อาหรับ และชาวยูเออี รวม 26 คน ในจำนวนนี้มี 12 คน แต่งกายเป็นหญิง รวมทั้งแต่งหน้าทาปาก ขณะทุกคนกำลังเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองสมรสของชายรักร่วมเพศ ที่จัดขึ้นในโรงแรมแห่งหนึ่งกลางกรุงอาบูดาบี เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โฆษกตำรวจยูเออีแถลงด้วยว่า ผู้ถูกจับกุมตัวที่เป็นชาวต่างชาติจะถูกเนรเทศ ส่วนผู้ที่เป็นชาวยูเออีจะถูกนำตัวเข้ารับการบำบัดด้วยวิธีการดังกล่าวข้างต้น อย่างไรก็ดี สำนักข่าวแวมของทางการยูเออีอ้างถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยผู้หนึ่ง ที่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ โดยชี้ว่าคดีนี้ยังไม่ได้ผ่านการพิจารณาของศาล ประกอบกับภายใต้รัฐธรรมนูญนั้น กระทรวงมหาดไทยไม่มีอำนาจกำหนดโทษหรือสั่งให้มีการบำบัดใดๆ ด้านนายฌอน แมคคอร์มิค โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ได้แถลงตำหนิการจับกุมครั้งนี้ พร้อมเรียกร้องรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หยุดการรักษาเกย์ด้วยวิธีให้ฮอร์โมนและจิตบำบัดโดยไม่เต็มใจทันที ตลอดจนให้ปฏิบัติตามมาตรฐานทางกฎหมายระหว่างประเทศ สำหรับความคิดเห็นของกลุ่มเกย์ในประเทศไทย อย่าง นายปกรณ์ พิมพ์ทน ที่ปรึกษาพิเศษผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ด้านเกย์และเลสเบี้ยน มองว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความล้าหลังทางอารยธรรม ทั่วโลกมีประชากรเกย์อยู่เยอะมาก ส่วนใหญ่เป็นคนมีมันสมอง มีแนวคิด วิจารณญาณ และการดำเนินชีวิตที่ดี ไม่ผิดทำนองคลองธรรม หรือทำผิดศีลธรรมอันดี โดยเฉพาะในต่างประเทศมีเกย์ที่เป็นนักการเมืองและมีบทบาททางสังคมสูงจำนวนไม่น้อย การจับกุมที่เกิดขึ้นในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง "เป็นเรื่องที่น่าเกลียดมาก ก่อนหน้าก็เคยมีเรื่องลักษณะนี้เกิดขึ้นมาแล้วที่อียิปต์และสิงคโปร์ ผู้ชายที่แต่งกายเป็นหญิงถูกจับขังคุก หากเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นที่เมืองไทยคงยอมไม่ได้ เพราะพวกเราเสียภาษีให้รัฐบาลเหมือนกันและไม่ได้ทำอะไรผิด การแต่งงานของเกย์ก็ต้องเป็นชายกับชายอยู่แล้ว มันเป็นสิทธิของพวกเขา จะให้แต่งงานกับผู้หญิงและเกิดปัญหาสังคมตามมาได้อย่างไร" นายปกรณ์ กล่าว ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม.ด้านเกย์และเลสเบี้ยน กล่าวด้วยว่า ปัญหานี้เกิดจากความไม่เข้าใจเกย์ ประเทศโลกมุสลิมหลายแห่งไม่มีการศึกษาเรื่องเกย์ให้เข้าใจถ่องแท้ ซึ่งการศึกษาเรียนรู้เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้คนในสังคมเกิดการยอมรับ ประเทศไทยโชคดีที่ปัจจุบันค่อนข้างเปิดกว้างกับสิ่งเหล่านี้ มีกลุ่มองค์กรรณรงค์เรื่องเกย์และเลสเบี้ยนโดยเฉพาะ มีฮอตไลน์ให้คำปรึกษา และหนังสือเกย์บุ๊ค ถึงขนาดสื่อของออสเตรเลียที่ต้องการนำเสนอชีวิตของเกย์ในเอเชีย เลือกมาทำชีวิตเกย์ที่เมืองไทย นายนิกร อาทิตย์ ผู้อำนวยการบางกอกเรนโบว์ องค์กรชายรักชายที่รณรงค์เรื่องเอดส์และเพศศึกษา กล่าวว่า คนที่มีพฤติกรรมรักเพศเดียวกันไม่ใช่ความผิดปกติทางจิตใจ อย่างที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เข้าใจ แต่เป็นยีนที่ถูกสร้างมาให้เป็นอย่างนี้ตั้งแต่เกิด แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญในประเทศ ควรให้ความรู้ความเข้าใจแก่ข้าราชการและคนในประเทศด้วย เพื่อจะได้แก้ไขความเข้าใจผิดและเลิกลงโทษ หรือมองคนรักเพศเดียวกันว่า เป็นคนที่มีความผิดปกติทางจิตใจ เหมือนกรมสุขภาพจิตของไทยออกหนังสือรับรอง คนรักเพศเดียวกันไม่ใช่คนที่มีความผิดปกติทางจิตเมื่อปี 2545 นายนิกร กล่าวต่อว่า หากมีการลงโทษหรือลิดรอนสิทธิของชายรักชายในประเทศนี้อยู่ จะประสานงานร่วมกับองค์กรเอเชีย แปซิฟิก เรนโบว์ ซึ่งเป็นองค์กรชายรักชายในต่างประเทศ ทำหนังสือประท้วงไปยังรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พร้อมทั้งเรียกร้องให้องค์กรสิทธิมนุษยชนเข้ามาดูแลเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน เพราะเป็นการลิดรอนสิทธิของคนในประเทศอย่างแท้จริง ขณะที่นายนที ธีระโรจนพงษ์ ประธานกลุ่มเกย์การเมือง กล่าวว่า ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เรียกได้ว่า เป็นดินแดนสวรรค์ของคนรักเพศเดียวกันชาวมุสลิม เพราะเป็นประเทศที่ไม่เคร่งครัดเรื่องศาสนามากนัก ชาวมุสลิมที่รักเพศเดียวกันจึงนิยมเดินทางไปใช้ชีวิตที่นั่นอย่างเปิดเผย เหมือนกับว่าที่นั่นเป็นโอเอซิสกลางทะเลทรายที่เคร่งครัดไปด้วยกฎระเบียบ แต่การที่รัฐบาลกำลังจะจัดการกับเกย์ อาจเป็นเพราะผู้บริหารบางคนเล็งเห็นว่ามีคนกลุ่มนี้มากขึ้น ซึ่งตามศาสนาแล้วเป็นเรื่องผิดมาก จึงกลายเป็นปัญหาขึ้น จนต้องออกกฎหมายมาควบคุม "แต่แนวคิดนี้กลับแสดงให้เห็นถึงความอ่อนด้อยทางความคิดของคนในประเทศนั้น เพราะขณะนี้ทั่วโลกมีองค์ความรู้เรื่องคนรักเพศเดียวกันก้าวหน้าไปมากแล้ว คาดว่าองค์กร International Lesbian & Gay Association (ILGA) ซึ่งเป็นองค์กรเลสเบี้ยนและเกย์โลกต้องออกมาเคลื่อนไหวกดดันให้ยกเลิกกฎหมายนี้อย่างแน่นอน" นายนที กล่าว |